CryptoCurrency
ในปัจจุบันรูปแบบทางการเงินของประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ในอดีตกาลประเทศไทยเริ่มมีประวัติด้านการเงินมาร้อยกว่าปีเวลาที่ต้องการจะฝากเงิน ถอนเงิน หรือโอนเงินต้องมีการเดินทางไปที่ธนาคารเท่านั้น ไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้แต่ในยุคปัจจุบันนี้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินโดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ส่งผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งจะมีความสะดวกและปลอดภัยมากกว่าการนำเงินไปที่ธนาคาร และนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทางการเงินที่น่าจับตามองในตอนนี้ก็คือ CryptoCurrency (สกุลเงินดิจิทัล) CryptoCurrency ถ้าจะแปลตรงตัวก็คือ สกุลเงินเข้ารหัส (เงินดิจิทัล) เป็นการแลกเปลี่ยนรูปแบบของเงินในระบบออนไลน์ (ดิจิทัล) เป็นสกุลเงินที่ไม่มีตัวตน จับต้องไมได้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่าสกุลเงินดิจิทัล เพราะมันอยู่ในโลกของดิจิทัลและจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลา เป็นการทำงานลับๆบนคอมพิวเตอร์ และมองเห็นได้แค่เพียงตัวเลขเท่านั้น สกุลเงินดิจิทัลที่เป็นสกุลเงินแรก คือ บิทคอย(Bitcoin) ตอนนี้โลกเรามีสกุลเงินดิจิทัลอยู่หลายร้อยสกุลเงิน ในต่างประเทศเริ่มมีการยอมรับเงินสกุลดิจิทัลนี้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น บิลเกตส์ เจ้าของ Microfoft ก็ได้ลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลไป 400 ล้านเช่นเดียวกัน
ข้อดีของ CryptoCurrency
– เป็นสกุลเงินที่ไม่มีผลเกี่ยวข้องกับทางด้านการเมือง
– มีความปลอดภัยของข้อมูลโดยการเข้ารหัส
– ลดปัญหาอาชญากรรม การฟอกเงิน
– ลดค่าธรรมเนียมที่สถาบันการเงินตั้งขึ้น
– มีความมั่นคงสำหรับผู้ใช้
ข้อจำกัด CryptoCurrency
– ไม่สามารถนำมาชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
– กฎหมายจะไม่รองรับการสร้างรายได้ประเภทนี้
– ไม่มีหน่วยงานรัฐบาลให้การรับรอง
– อาจจะเป็นเครื่องมือให้กลุ่มมิจฉาชีพแสวงหาผลประโยชน์ได้
– เงินที่ได้มาอาจจะมาจากธุรกิจที่ผิดกฎหมายก็เป็นได้
– อาจจะถูกผู้ไม่หวังดีหลอกลวงให้ร่วมลงทุน
– ถ้าอนาคตคนเราหันไปใช้เงินดิจิตอลกันหมด จะทำให้เงินบาทไม่มีค่า https://www.thairath.co.th/content/1075149