โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาหุ่นยนต์ในรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ทำให้จักรกลยุคนี้มีความล้ำหน้าจากการพัฒนาของมนุษย์ มีความสามารถเลียนแบบได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ โต้ตอบสนทนาเสมือนเป็นเพื่อนคุย ซึ่งปัจจุบันก็ได้พัฒนานำไปใช้ในหลายวงการ อาทิ ด้านการแพทย์ ด้านงานวิจัยสำรวจ ด้านอุตสาหกรรม ด้านความบันเทิง หรือแม้แต่พัฒนาเพื่อใช้ในบ้านเรือนก็อาจจะต้องพึ่งพาหุ่นยนต์ในรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นได้ มีรายงานจากประเทศแมคเคนซี ว่าภายในปี 2030 จะมีคนตกงาน 800 ล้านตำแหน่งจากถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ หรือคิดเป็นผลกระทบต่อคนประมาณ 1 ใน 5 ของตลาดแรงงานโลก โดยข้อสรุปนี้ มีที่มาจากการเก็บข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง 800 อาชีพ ใน 46 ประเทศ รายงานระบุว่า 1 ใน 3 ของแรงงานในประเทศร่ำรวย เช่น เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ต้องเข้ารับการฝึกทักษะใหม่เพื่อให้ประกอบอาชีพอื่นได้ด้วย โดยผู้ที่ทำงานควบคุมเครื่องจักร และแรงงานในอุตสาหกรรมอาหาร จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนประเทศที่ยากจนกว่า ซึ่งมีเงินลงทุนกับเทคโนโลยีอัตโนมัติน้อย จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า เช่น อินเดียจะมีตำแหน่งงานประมาณร้อยละ 9 ที่ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
– แชมป์หุ่นยนต์ไทย ยังต้องหางานในต่างประเทศไหม ?
– รู้จักหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์รุ่นล่าสุด
– เราจะสอนหุ่นยนต์ให้มีจริยธรรมได้ไหม ?
ผู้เขียนรายงานเชื่อว่างานของนายหน้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ผู้ช่วยทนายความ และเสมียน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติแมคเคนซีคาดการณ์ว่า ตำแหน่งงานที่ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เช่น แพทย์ ทนายความ ครู และบาร์เทนเดอร์ จะเผชิญกับความเสี่ยงที่ถูกแทนที่จากระบบอัตโนมัติน้อยกว่า รวมถึงงานที่รายได้น้อย เช่น คนสวน ช่างประปา และผู้ดูแลคนเจ็บจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าส่วนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ตลาดจะต้องการวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษามากขึ้น ในขณะที่ตำแหน่งงานที่ใช้ระดับการศึกษาไม่สูงจะมีจำนวนลดลง ผู้เขียนเชื่อว่า โลกจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านในระดับเดียวกับช่วงศตวรรษที่ 1900 ซึ่งอาชีพเกษตรกรรมถูกเปลี่ยนมาเป็นงานในโรงงานอุตสาหกรรม และเตือนว่าเทคโนโลยีใหม่จะทำให้เกิดอาชีพใหม่ คล้ายกับช่วงที่เริ่มมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในทศวรรษปี 1980 ซึ่งทำให้เกิดงานด้านการสนับสนุนเทคโนโลยี และธุรกิจออนไลน์
https://www.bbc.com/thai/international-42177582